.........
..ปราชญ์..นั้นคือผู้รู้
มหาปราชญ์.. คือผู้รู้แจ้งจบสิ้นดินสมุทร
จอมปราชญ์.. คือผู้หยั่งรู้ทุกสิ่งสรร มิเว้นแต่จิตมนุษย์อันซับซ้อนลึกล้ำยิ่ง
..เช่นนี้ ศาสตร์เมธีทั้งปวง จึงเป็นศาสตร์แห่งผู้ใฝ่เรียนรู้..
.........
"นี่ตารางเรียน" แฝดผู้พี่นาม กวาดิเอส โผล่เข้ามายื่นกระดาษแผ่นไม่ใหญ่นักสองแผ่นให้ซาเรถึงในห้อง ไม่ลืมสำทับ "ของเจ้ากับเพื่อน เหมือนของข้ากับน้องทุกประการ ประกันได้"
ซาเรยิ้มแยกเขี้ยวขึ้นรับ เอ่ยคำขอบคุณ และแฝดนั้นก็ปิดประตูกลับห้องไป
ร่างสูงโปร่งงามสง่าทรงกายพิงช่องหน้าต่าง แสงแห่งอาทิตย์อัสดงอาบไล้สะท้อนเป็นสีทอง เนตรลึกดังมหรรณพทอดออกไปไกลแสนไกลภายนอก
ร่างบางที่แม้มิได้ดูทรงอำนาจเท่าทรุดกายลงนั่งเคียงข้าง นัยน์สีรัตติแลไปในทิศเดียวกัน ประกายส้มแดงอันปรากฏคล้ายแสงไฟในค่ำคืนค่อยรางเลือนลงยามที่ผืนโพยมผลัดเปลี่ยนจากทิวาสู่ราตรี ดวงดาวเริ่มปรากฏขึ้นพร้อมจันทร์อันทอสีเงินกระจ่างอยู่ท่ามกลาง
เฉดสีแห่งทิฆัมพรเบื้องบนสับเปลี่ยนจากน้ำเงินเข้มดังนัยน์หนึ่งแห่งผู้เฝ้าจับจ้อง เป็นเฉดแห่งอันธการ ณ อีกนัยน์หนึ่งทีละน้อย ความมืดตกลงปกคลุม จากแผ่นฟ้า สู่แผ่นโลก จนมิอาจมองเห็นผู้นั่งเคียงอยู่ด้วยกันได้อย่างชัดเจน
แสงสีเหลืองสว่างปรากฏเรืองรองขึ้นในห้องช้าๆ ผู้ครองร่างเดียวกับเซเรเนย์ทรงกายลุกขึ้น เอื้อมมือออกจับหัตถ์ของผู้อยู่เบื้องหน้ากุมไว้ จนเมนิอาร์นั้นผันหน้ามามอง จึงพบรอยยิ้มของซาเร
"ป่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ"
"นี่จานที่เท่าไหร่แล้วน่ะซาเร" น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยไถ่ถาม เมื่อเห็นผู้นาม'ซาเร'นั้น ถือข้าวมาอีกจานแล้ว
"ไม่รู้จะนับเป็นจานที่สี่ได้รึเปล่านะ เพราะเขาให้แค่ครึ่งจานเอง" น้ำเสียงนั้นค่อนขอด แต่ก็มิได้ถือสาตามเคย
"ข้าวที่ห้องอาหารรวมของหอปราชญ์นี่อร่อยดีนะ แต่ยังไงข้าก็หวังว่าไม่ต้องอยู่กินข้าวที่นี่นานนัก"
เมนิอาร์หาได้ตอบสิ่งใดไม่ เพียงรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันเบาๆ
...........
แสงทองเริ่มเจือ ณ ขอบฟ้า
สกุณาจากรังมาหากิน
แดดรุกล้ำเข้ามาจนถึงถิ่น
ต้องชีวินหนึ่งซึ่งตื่นอย่างมึนงง
"ซาเร?" เสียงอ่อนเบาเรียกหาผู้หนึ่งที่หายไป
"ซาเร เจ้าไปไหนน่ะ?"
แม้จะเรียกเท่าใด ในห้องนั้นก็ยังคงเงียบงันไร้สุ้มเสียง แม้จะเหลียวมองเท่าใดก็ไม่พบ
แดดเริ่มกล้าแรง ทะลุผ่านม่านเข้ามาเป็นเงาทอดอยู่บนพื้น เซเรเนย์ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง เตรียมตัวไปเรียน
"เมนิอาร์" เจ้าของนามนั้น เมื่อถูกเรียกก็เดินเข้ามาจากริระเบียง
"ลงไปห้องอาหารกันเถอะ"
"อือ"
...........
สีหน้าของผู้ร่วมโตะทั้งสองนั้นแปลก แปลกจนแม้มิใส่ใจก็ยังสังเกตเห็นได้ ด้วยเพราะกิริยาของผู้อยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ แตกต่างจากเมื่อวานจากหน้ามือเป็นหลังมือกระมัง
หากมิใช่ว่าเป็นคนละคน ก็น่าคิดอยู่นักว่า มีเหตุอันใดกันที่มาทำให้เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้
จากที่เคยโผงผางพูดมาก วันนี้กลับเรียบร้อยราวเป็นผู้สูงศักดิ์มาแต่ตระกูลใด ทุกท่วงท่านุ่มนวล งดงาม แม้จะเชื่องช้า
และจากที่เมื่อวานขอข้าวถึงสามสี่จาน วันนี้กลับขอเพียงครึ่งจาน...
ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง ที่เซเรเนย์รวบช้อนลงบนจาน โดยที่มิอาจมีผู้ใดคาดเดาได้ทันท่วงที ร่างบางนั้นโงนเงนเสียการทรงตัว เนตสีนิลชาด้านราวมิอาจมองเห็นซึ่งสิ่งใด สีหน้าบ่งบอกซึ่งความเจ็บปวดสาหัสนัก และหากไม่ได้เข้าไปเมนิอาร์ประคองไว้ก่อน ก็คงล้มลงกระแทกโต๊ะเบื้องหน้า ภายใต้ความตกตะลึงของเมดิอัสและกวาดิเอส
"เซเรเนย์!"
เมนิอาร์ค่อยๆจัดให้ร่างบางพิงพนักเก้าอี้ไว้อย่างมั่นคง แล้วกุมมือไว้เบาๆ ค่อยๆส่งพลังเวทผ่านเข้าไปปลอบโยนและบรรเทาอาการ
จนร่างอันแข็งนิ่งนั่นค่อยผ่อนคลาย เสียงหอบหายใจช้าลงจนเป็นปกติ นัยน์สีนิลนั้นก็ลืมขึ้น โดยมิมีใครได้ทันตั้งตัว ร่างนั้นดีดตัวขึ้นนั่ง ขอข้าวอีกสามจานมากินทันที!
"เอ่อ.. เจ้า..." กวาดิเอสหลุดปากมาอย่างไม่แน่ใจ
ผู้ถูกเรียกนั้นเงยหน้าขึ้นหน่อยนึง เอ่ยถามทั้งยังข้าวเต็มปาก "ทำไมเหรอ?"
เห็นท่าดังนั้น สีหน้าของกวาดิเอสจึงผ่อนคลายลง ราวว่าแม้จะไม่เข้าใจ แต่กลับมาเป็นอย่างที่คุ้นเคยก็น่าจะดีแล้ว
เมดิอัสหันมองเมนิอาร์อยู่ครู่หนึ่ง จนได้รับการพยักหน้าตอบเบาๆครั้งหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ ภายใต้ความเงียบที่ยังมิสร่างซา
"เมื่อครู่นี้คือเซเรเนย์สินะ แต่ที่เห็นอยู่นี่..ซาเร"
ที่เรียบร้อยนัก..ราวคุณหนูผู้สูงศักดิ์ นั่นคือเซเรเนย์
แต่ที่สดใส และพูดมากนัก.. นั่นคือ ซาเร
..ไม่ใช่คนเดียวกัน
วันพฤหัสบดี, มีนาคม 29, 2550
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)