อะไรเล่า.. จะดับไฟให้ใจเราได้ หากมิใช่ตัวของเราเอง
อะไรเล่า.. จะล้างความเจ็บปวดหลังดวงตาออกไปได้ หากมิใช่หัวใจของเราเอง
แม้ดั่งตกอยู่ในอเวจีไร้หวัง อยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางเงาหมอกม่านมัวมากมาย ใครก็ช่วยเราไม่ได้ นอกจากตัวเราเอง
ทว่า.. การจะลุกขึ้นนั้นยากนัก ที่จะเดินไปด้วยตัวเอง
มิใช่ง่ายเลย ที่จะฟันฝ่าทุกเรื่องราวไปด้วยตัวเองคนเดียว
ทว่า.. ทว่าก็ต้องทำให้ได้มิใช่หรือ..?
แม้แลดูสิ้นหวังเท่าใด ก็มิใช่เป็นไปไม่ได้มิใช่หรือ?
และเพราะผ่านเรื่องดูซีดจางห่างจากความเป็นจริงไปได้ไม่ใช่หรือ หัวใจเราจึงแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม..
วันอังคาร, กรกฎาคม 07, 2552
วันจันทร์, กรกฎาคม 06, 2552
บทนี้ไม่มีชื่อ
เรามิเคยเห็นฝันในตาเจ้า มิเห็นเงาแห่งความหวังเคยฉายฉาน
เจามิเห็นชวาลาส่องนำกาล มิเห็นพานพุ่มดอกไม้ที่วางลง
เกียรติศักดิ์มากมายมอบไว้ให้ เจ้ามิเคยมีใจไปไหลหลง
หทัยเจ้ายึดติดอยู่มั่นคง เพียงจมลง ณ ฝันแห่งราตรี
เจามิเห็นชวาลาส่องนำกาล มิเห็นพานพุ่มดอกไม้ที่วางลง
เกียรติศักดิ์มากมายมอบไว้ให้ เจ้ามิเคยมีใจไปไหลหลง
หทัยเจ้ายึดติดอยู่มั่นคง เพียงจมลง ณ ฝันแห่งราตรี
ใจที่ลืม
ดวงใจเอ๋ย.. เราแทบมิเคยเข้าใจเจ้าเลยใช่หรือไม่..?
เราปล่อยเจ้าไว้ เดียวดายภายในความเงียบงัน..
ดวงใจเอ๋ย.. เรามิเคยรักเจ้าเลยหรือไรกัน..?
ทั้งที่เรานั้น.. ควรรักเจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด..
ดวงใจเอ๋ย.. เราละเลยเจ้ามานานถึงเพียงไหน..?
แม้ยามเจ้าบอบช้ำเจีบนตาย เราก็มิได้เหลียวแล..
ดวงใจเอ๋ย.. เราควรทำเช่นไร..?
ต้องชดใช้ให้เจ้าเพียงใด.. ถึงจะสมควรกัน..
ดวงใจเอ๋ย.. เราควรรูดียิ่งนัก..
บาดแผลที่กรีดลึกจัก..
..มิมีวันสมานได้ง่ายเลย..
เขียนให้ร่างกายตัวเอง วันนั้นป่วย
หยุดซะ..
หยุดเสียทีเถิด.. หยุดคิดเสียที
โลกเบื้องหน้าเธอนั้น มิได้มีเพียงหม่นสีมิใช่หรือ?
หยุดคิดเสียทีเถิด.. เลิกกลัวเสียที..
หากทำต่อไปอย่างนี้ ที่สุดแล้วจะมีแต่เธอที่เสียใจ..
ทางเบื้องหน้ายังไกลยิ่งนัก ข้างทางยังมีอะไรมากมาย..
จะหยุดแค่ตรงนี้ไม่ได้ จะเสียเวลาไปทำไมกัน
เธอยังมีหวังอยู่เบื้องหน้า เธอยังมีความฝัน
ถ้าหากทิ้งมัน จะไม่อาจเรียกอะไรคืนมา
เขียนเอง ให้ตัวเอง วันก่อน
หม่นสี..
เรามองไปเบื้องหน้า ด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า
ฝันที่สีแพรวพราว นี่นก็ราวจะหม่นลง
เรามองไปเบื้องหน้า แลไปไม่เห็นความหวัง
แต่แม้จะสิ้นพลัง ก็ต้องเดินต่อไป
เรามองไปเบื้องหน้า รู้ว่าสุดทางคือความตาย
ชีวิตที่ไร้ความหมาย จะจบ ณ ปลายทางที่รอคอย
ให้ซาเร (เฟเรล - นักพยากรณ์) แห่งผืนเพลิง
ณ ที่ทุกสิ่งพังทลาย..
ฝันเอ๋ย.. เมื่อมาถึงที่นี้ หัวใจไกลยิ่งนัก..
รวดร้าวมากมาย เจ็บจนราวจะสลายแล้ว
มิอาจเดินหน้า และมิอาจจะถอยหลังได้..
หทัยเอ๋ย.. เรายืนอยู่ท่ามกลางสิ่งใดกัน
เมื่อมองไปเบื้องหน้า ทอดสายตาไปไกลยิ่ง กลับมิอาจเห็นสิ่งใด..
ขวัญเอ๋ย.. ทุกสิ่งสิ้นลงแล้วใช่หรือไม่..
ไม่เหลือสิ่งใด ว่างเปล่าจากแต่นี้ตราบชั่วกาล..
รวดร้าวมากมาย เจ็บจนราวจะสลายแล้ว
มิอาจเดินหน้า และมิอาจจะถอยหลังได้..
หทัยเอ๋ย.. เรายืนอยู่ท่ามกลางสิ่งใดกัน
เมื่อมองไปเบื้องหน้า ทอดสายตาไปไกลยิ่ง กลับมิอาจเห็นสิ่งใด..
ขวัญเอ๋ย.. ทุกสิ่งสิ้นลงแล้วใช่หรือไม่..
ไม่เหลือสิ่งใด ว่างเปล่าจากแต่นี้ตราบชั่วกาล..
วันอาทิตย์, กรกฎาคม 05, 2552
คนเดียว..
มองไปบนฟ้า หยาดน้ำร่วงพราวดุจน้ำตา ใจของเราชาดุจไหม้ไฟ
ที่สุดแล้ว ก็มิมีใครอื่นนอกจากเราใช่หรือไม่
หลุมกว้างในหัวใจ ใครก็มิอาจเติมเต็ม
ที่สุดแล้วในโลกใบนี้ ก็มีเพียงตัวเราใช่หรือไม่
อยู่ท่ามกลางหัวใจ ที่ใครก็มิอาจกล้ำกราย
หทัยเอ๋ย.. ช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย..
ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ มิมีใครเลยสักคนเดียว
ความฝันไม่จริงหรอกหนา ใครก็มิอาจถมใจ
ไม่มีใครจริงๆนอกจากตัวเราเอง
ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ มีเพียงเราคนเดียว
ที่อาจถมใจตนเอง..
ที่จะทำให้ได้เห็นโลกกว้างใหญ่ ยิ้มได้ไม่ว่าผ่านเรื่องใด
รักได้โดยไม่ต้องทำร้ายใคร
มิต้องทำร้ายตัวเอง
หัวใจเอ๋ย.. แม้จะโดดเดี่ยวยิ่งนัก
แต่เราก็จะเดินไป จะต้องเดินต่อไป
บนทาง บนชีวิตนี้
เดินเพื่อตัวเองจะได้เห็นอาทิตย์ขึ้นที่ริมขอบฟ้า
ได้จูงมือใครคนหนึ่ง ด้วยหัวใจที่ให้คนอื่นได้ทั้งใจ
..ไม่มีหลุมกว้างใหญ่ไร้ก้นบึ้งนั้นอีกต่อไป..
ที่สุดแล้ว ก็มิมีใครอื่นนอกจากเราใช่หรือไม่
หลุมกว้างในหัวใจ ใครก็มิอาจเติมเต็ม
ที่สุดแล้วในโลกใบนี้ ก็มีเพียงตัวเราใช่หรือไม่
อยู่ท่ามกลางหัวใจ ที่ใครก็มิอาจกล้ำกราย
หทัยเอ๋ย.. ช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย..
ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ มิมีใครเลยสักคนเดียว
ความฝันไม่จริงหรอกหนา ใครก็มิอาจถมใจ
ไม่มีใครจริงๆนอกจากตัวเราเอง
ในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ มีเพียงเราคนเดียว
ที่อาจถมใจตนเอง..
ที่จะทำให้ได้เห็นโลกกว้างใหญ่ ยิ้มได้ไม่ว่าผ่านเรื่องใด
รักได้โดยไม่ต้องทำร้ายใคร
มิต้องทำร้ายตัวเอง
หัวใจเอ๋ย.. แม้จะโดดเดี่ยวยิ่งนัก
แต่เราก็จะเดินไป จะต้องเดินต่อไป
บนทาง บนชีวิตนี้
เดินเพื่อตัวเองจะได้เห็นอาทิตย์ขึ้นที่ริมขอบฟ้า
ได้จูงมือใครคนหนึ่ง ด้วยหัวใจที่ให้คนอื่นได้ทั้งใจ
..ไม่มีหลุมกว้างใหญ่ไร้ก้นบึ้งนั้นอีกต่อไป..
เจ็บ..
เขียนให้ Ciel จาก Kuroshitsuji
โลกโหดร้ายยิ่งนัก.. และเราก็ไกลกันยิ่งนัก
ยืนอยู่ได้ เป็นแต่เพียงผู้เฝ้ามอง
มิอาจแม้ยื่นมือเข้าไป มิอาจทำแม้ร่ำเรียกเป็นกำลังใจ
ได้แต่เพียงยืนอยู่ ณ ที่นี้ ไม่อาจทำสิ่งใด มองจากที่ไกล แม้ปวดใจมากมาย..
ที่เหลืออยู่สิ่งเดียว..
แรงบันดาลใจจาก Kuroshitsuji (Ciel)
เราฝากฝันเราไว้กับเจ้า
เจ้า..ย่อมเป็นผู้รู้ดีว่าชีวิตเรามิเหลือสิ่งใดอีกแล้ว
ทางที่เดินต่อไปนี้ เราฝันเพียงสิ่งเดียว
เป็นเพียงความหมายที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว..
หลังดวงตานี้ เราเห็นแต่เพียงสีดำ
ความมืดไรที่สิ้นสุดยิ่งนัก
มองไปไม่เห็นแม้หนทาง
สิ่งที่กุมไว้ในมือนี้ มีเพียงความว่างเปล่า...
เรามิได้ทำเพื่อใคร เราทำเพื่อตัวเอง
เพื่อล้างคราบความเจ็บปวดหลังดวงตา
แม้จะต้องจมลงในความมืดอีกเท่าใด..
แปดเปื้อน และสูญเสียอีกเท่าใด
จุดมุ่งหมายมีเพียงหนึ่งเดียว และจะไปให้ถึงไม่ว่าใช้วิธีใด
เพราะเรา..
เขียนเพราะ Saber จาก Fate/Stay Night
เพราะเราใช่หรือไม่.. โลหิตจึ่งได้เจิ่งนองมากมาย...
เพราะเราใช่หรือไม่.. ผู้คนจึงต้องล้มตาย..
เสียงร่ำไห้ดังทั่วแผ่นดิน..
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)