...ฟิ้ว....
เสียงวัตถุตกลงจากที่สูง สู่ลานเบื้องล่างอันคลาคล่ำด้วยผู้คน ภายใต้ความเป็นไปอย่างปรกติธรรมดาในโลกเช่นนี้ มิมีใครได้ให้ความสนใจกับเด็กสาวซึ่งวิ่งหน้าตาตื่นลงมาตามบันใดเลื่อนเป็นพิเศษแต่อย่างใด
แต่ใครจะไปรู้เล่า... ว่าโลกอาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ หลายสิ่งจะบังเกิดและหลายสิ่งจะดับสูญไป ด้วยสิ่งเล็กๆเพียงสิ่งเดียว..
..เด็กสาวผู้อาจเปลี่ยนโลก.. และรองเท้าข้างเดียว....
โลกหมุนไปตามกลไก ฟันเฟืองขบคาบเกี่ยวพัน สอดคล้องจนประกอบเป็นระบบใหญ่ ทุกการเคลื่อนของหนึ่งฟันเฟือง ย่อมหมุนเคลื่อนฟันเฟืองอื่นไปพร้อมกัน
หายนะหรือสุขสงบ จะมีอยู่หรือตายลง ..ล้วนแต่ถูกกำหนดไว้ใต้การขับเคลื่อนของฟันเฟือง.. ฟันเฟืองแห่งโลกอันสลับซับซ้อนใบนี้ ที่มิได้ตายตัวแม้แต่เสี้ยววินาที
ใครเล่าจะรู้ได้.. ว่าเฟืองเล็กๆที่หมุนไปในวันนี้ จะผลักดันฟันเฟืองใดในโลกให้เคลื่อนไป... สิ่งใดจักบังเกิด สิ่งใดจักมลายสูญ จักพลักดันฤๅเป็นองค์ประกอบของเหตุใด
..ดังผีเสื้อกรีดปีกโบยบิน อาจอำนาจก่อพายุโหมกระหน่ำ.. ..ดั่งเด็กน้อยเด็ดดอกไม้ หากส่งผลสะเทือนถึงดวงดารา..
..เราจักล่วงรู้ได้เช่นไร..
(** 'การสะบัดปีกของผีเสื้อ ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศจนส่งผลต่อการเกิดพายุหมุน' (Butterfly effect) และ 'เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว' คือข้อความเปรียบเทียบถึง ทฤษฏีความอลวน(chaos theory) ในทางฟิสิกส์ ที่ว่าสิ่งเล็กๆ อาจกระทบถึงสิ่งอันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง [รายละเอียด: http://en.wikipedia.org/wiki/Butterfly_effect และ http://th.wikipedia.org/wiki/ทฤษฎีความอลวน] **)
ชายคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น เพื่อมองหาที่มาของเสียงนั้นเช่นเดียวกับหลายคน แต่โดยมิทันได้ตั้งตัว รองเท้าข้างหนึ่งก็ตกกระทบเข้าอย่างจัง ส้นหนาและแข็งกระแทกกับใบหน้าโดยแรงแทบซวนเซ
รองเท้าข้างนั้นตกลงบนพื้นกระเบื้องดังเปรื่อง พร้อมกับเด็กสาวคนหนึ่งที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามากลางลาน
"ขอโทษนะคะ.. เป็นอะไรรึเปล่าคะ?" เธอหยุดลงตรงหน้าเขา หอบเหนื่อย ละล่ำละลักถามด้วยน้ำเสียงขาดเป็นห้วง
"ไม่เป็นไรครับ" เขาพูดพลางก้มลงเก็บรองเท้าข้างนั้นส่งให้ เธอรับคืนไป จ้องเขานิ่งอยู่ครู่ใหญ่
"ไม่เป็นอะไรจริงๆนะคะ?"
"ครับ" เขารับอย่างหนักแน่น
"แต่จากความสูงระดับนี้...." ปลายเสียงทิ้งยาว เงยหน้าขึ้นกะความสูงเบื้องบน "..คูณกับน้ำหนักของรองเท้า.. ถ้าโชคร้ายหน่อย อาจกระเทือนถึงสมองได้...."
"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ อย่างมากก็แค่มึนๆ พักสักหน่อยก็หาย" เขารีบตัดบทเสียก่อน
"แน่ใจนะคะ?" เธอหันกลับมามองเขาอย่างเพ่งเล็งอยู่กลายๆ
"ครับ" เขารับอย่างหนักแน่นย้ำอีกครั้งหนึ่ง
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ แล้วก็..เอ่อ..." เธอหยุดไปครู่หนึ่ง "..จะจดเบอร์ไปสักหน่อยไหมคะ? เผื่อมีผลข้างเคียงอะไรตามมาทีหลัง"
"ไม่เป็นไรครับ" เขาปฏิเสธพลางเหลือบมองกองกระดาษในห่อสีน้ำตาลข้างตัว ก่อนจะก้มลงหยิบขึ้นมาชุดหนึ่ง ยื่นให้เด็กสาวเบื้องหน้าพร้อมรอยยิ้มคล้ายพนักงานขาย
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ช่วงรับโบรชัวร์ที่ผมกำลังแจกอยู่ไปด้วยแล้วกันนะครับ"
เธอรับกระดาษชุดนั้นไป แล้วคว้าปากกาที่ติดตัวอยู่เสมอออกมาเขียนตัวเลขลงบนขอบที่ว่าง ฉีกออกให้ชายตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มบางๆอันติดเป็นนิสัย
"เก็บไปสักหน่อยแล้วกันนะคะ ถ้าสองสามวันแล้วไม่มีอะไรค่อยโยนทิ้งก็ได้ค่ะ"
เขารับมาอย่างไม่กล้าปฏิเสธ เบอร์โทรศัพท์และชื่อบนกระดาษแผ่นเล็กนั้นเขียนด้วยลายมือที่หวัดและมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังอ่านได้ชัดเจน
' รัตติ ' อันมีความหมายคือ 'กลางคืน'
.......
การรอคอย... หลายๆคนบอกว่าเป็นการทดสอบตัวเอง แต่เราเชื่อว่า คงไม่มีใครที่มีความอดทนอย่างไร้ขีดจำกัด
สังคมรอบด้านทุกวันนี้ สิ่งต่างๆวิ่งไปเร็วยิ่งกว่าสายลม เร็ว..จนมีวันที่เหนื่อยเกินจะวิ่งตาม เร็ว..จนบั่นทอนความอดทนของคนลงไปทุกที..
ไนท์หยิบโบรชัวร์ในมือมาพลิกอ่านฆ่าเวลา
' อืม.. มีแจกเอกสารประชาสัมพันธ์สถาบันการศึกษาเป็นชุดๆอย่างนี้ในห้างด้วย... '
................
.....................................
"แม่คะ เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับวิทยาการทางจิตไหมคะ?"
"ไม่เคยเลย มีอะไรเหรอไนท์?"
"เมื่อกี้หนูได้โบรชัวร์มาน่ะค่ะ เป็นสถาบันการศึกษาที่เน้นสายวิทยาการทางจิตโดยเฉพาะ หนูรู้สึกไม่คุ้นชื่อเลยลองถามดู เผื่อแม่รู้จัก"
"ไหนดูหน่อยซิ"
กระดาษชุดนั้นถูกส่งผ่านมือไป..
"สุริเยนทร์ฑล ชื่อไม่คุ้นเลย.. เพิ่งเปิดพร้อมกับหลักสูตรวิทยาการทางจิตเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง ลูกสนใจเหรอ?"
"ก็เห็นชื่อ'วิทยาการทางจิต'น่าสนใจดีน่ะค่ะ"
"อืม.. เท่าที่แม่ดูคร่าวๆ ที่นี่ก็ใช้ได้นะ ถ้าหนูสนใจ เดี๋ยวหาเวลาว่างชวนพ่อไปดูสถานที่ด้วยกันก็ได้"
"ค่ะ"
................
.....................................
ใต้ร่มไม้ใหญ่ครึ้มหลังประตูบานใหญ่ มีเรือนศาลาเปิดโล่งรับลม กันสาดกว้างป้องกันแดดฝน พร้อมชุดม้าหินให้ผู้มาติดต่อได้นั่งพัก
"สวัสดีค่ะ มาติดต่อกับทางสถาบันใช่ไหมคะ?" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหญิงสาวผู้นั่งอยู่ในซุ้มประชาสัมพันธ์ในศาลานั้น
"ใช่ค่ะ อยากจะขอชมสถานที่ของทางสถาบันสักหน่อยได้ไหมคะ?" เด็กสาวให้คำตอบพลางเดินเข้าไปหา
"ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าจะเยี่ยมชมเพียงอย่างเดียว หรือจะเยี่ยมชมเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกสถานศึกษาต่อคะ?"
"ประกอบการตัดสินใจเรียนต่อค่ะ"
"กรุณารอสักครู่นะคะ" หญิงสาวคนนั้นลุกขึ้นเดินเข้าในส่วนที่กั้นเป็นห้องทึบไว้เก็บเอกสาร หยิบแฟ้มหนึ่งมาให้
"ข้อมูลโดยทั่วไปเกี่ยวกับโรงเรียนค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" รับมาพลางพลิกดูคร่าวๆก่อนรอบหนึ่ง เธอจึงเอ่ยปากถาม "ต้องคืนรึเปล่าคะ?"
"ไม่ต้องค่ะ เก็บไว้ได้เลยค่ะ"
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น กล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มตอบแทนที่ได้รับมาตลอดการสนทนา และเดินตรงเข้าไปในสถาบัน
................
.....................................
...ในที่สุดก็มาอยู่ตรงนี้จนได้...นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของสถาบันนี้...
...ชมสถานที่.. หาข้อมูลเพิ่มเติม.. ตัดสินใจเลือก.. สมัคร.. สอบ.. และสุดท้ายก็..มายืนอยู่ตรงนี้..
ประตูบานใหญ่ วันนี้ก็เปิดกว้างเช่นเคย แต่ผู้คนที่เดินเข้าออกนั้นมากกว่าวันก่อน ถึงกระนั้นก็ยังบางตากว่าสถาบันอื่นทั่วไป
"สวัสดีค่ะ" ประชาสัมพันธ์คนเดิมทักขึ้นเมื่อเธอหยุดยืนอยู่ที่เดิมกับเมื่อวันก่อนนั้น
"สวัสดีค่ะ" คำตอบกลับนั้นมาพร้อมรอยยิ้ม
"มารายงานตัวและลงทะเบียนใช่หรือเปล่าคะ?"
"ใช่ค่ะ"
"ถ้างั้นไปที่โต๊ะลงทะเบียน ใกล้ๆห้องทะเบียนที่ตึกกลางเลยค่ะ รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าอยู่ตรงไหน?"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ด้วยความยินดีค่ะ"
เด็กสาวเดินตรงเข้าไปในสถาบัน ทิศทางเดียวกับครั้งแรกที่ก้าวมาเยี่ยมเยือนที่แห่งนี้ ต่างแต่เพียงว่า ครั้งนี้ไม่ได้แวะที่ใด เดินตัดตรงผ่านสวนหย่อม ผ่านตึกหน้า เพื่อมุ่งตรงเข้าสู่ 'โต๊ะลงทะเบียน หน้าตึกกลาง' แต่เพียงสิ่งเดียว
"รายงานตัวและลงทะเบียนเชิญทางนี้เลยค่ะ" เสียงนั้นแว่วมาตั้งแต่เธอเดินเข้าสู่บริเวณลานโล่งหน้าตึกกลาง เรียกให้ผู้มีจุดประสงค์ดังนั้นเดินตรงเข้าไป
ที่โต๊ะนั้น มีคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว รูปร่างที่สูงกว่าเด็กสาวรุ่นเดียวกันโดยทั่วไปเล็กน้อยบดบังรุ่นพี่ร่างเล็กประจำโต๊ะไปได้สนิท
เธอยื่นบัตรประจำตัวสอบให้รุ่นพี่เพื่อป้อนข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องบางที่เชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายไร้สายอันครอบคลุมทั้งสถาบัน
"น้องมณีรัตน์ ลิขิตารัสกานท์ เรียบร้อยแล้วค่ะ" รุ่นพี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้กับคนข้างๆที่มายืนอยู่ก่อนเธอ ซึ่งเมื่อรับไว้แล้วก็เปิดออกดูคร่าวๆอยู่ตรงนั้น
"น้องรัตติ ธรรมกัลยาณะ เรียบร้อยแล้วเหมือนกันค่ะ" คราวนี้รุ่นพี่หันมาบอกเธอ พร้อมกับยื่นเอกสารชุดเดียวกันให้
"พี่คะ ที่นี่มีภาคพิเศษด้วยเหรอคะ?" คนข้างๆเธอถามขึ้น เอกสารในมือถูกพลิกค้างไว้ในหน้าหนึ่ง
"ค่ะ เป็นภาคเฉพาะที่เรียนเกี่ยวกับการนำเอาจิตมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน เดี๋ยวน้องเรียนไปสักเดือนสองเดือน ถ้าสนใจก็จะมีเลือกได้ค่ะ"
"แตกต่างจากภาคปกติหรือเปล่าคะ?"
"ต่างค่ะ แต่พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก เพราะหลังจากพี่เลือกลงภาคพิเศษแล้วก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรว่าภาคปกติเรียนอะไรกันบ้าง ถ้าน้องอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ไปถามแผนกวิชาการ หรือไม่ก็รอสักเดือนสองเดือนจนกว่าจะมีให้เลือกลงก็ได้ค่ะ"
เมื่อรายงานตัวและลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เธอกับคนๆนั้นก็เดินออกมาด้วยกัน
"นี่ๆ ชื่ออะไรเหรอ? เราชื่อรัต" คนที่เดินข้างเธอเอ่ยปากถามขึ้นก่อน
"ไนท์"
เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงทัก "ไนท์นี่มาจากคำไหนเหรอ? Night ที่หมายถึงกลางคืน หรือว่า Knight ที่หมายถึงอัศวิน?"
"กลางคืนละมั้ง ชื่อจริงชั้นหมายความว่ากลางคืน น่าจะคล้องกัน"
วันจันทร์, มิถุนายน 25, 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น