วันพฤหัสบดี, กันยายน 28, 2549

..รัตติ..

...จันทราเอย.. ข้าเฝ้ามองเจ้าสาดส่องแสงจากฟากฟ้า...
...จันทราเอย.. ข้ามิเข้าใจ.. ผู้คนต่างชื่นชมเจ้า ..เจ้า.. ผู้เป็นดังประทีปกลางราตรีกาล..
...จันทราเอย.. ทั้งๆที่หากไร้ซึ่งความมืดแห่งรัตติกาล เจ้าก็มิอาจฉาดฉายแสงให้เห็นได้..
... แต่ทำไมกัน.. เขาจึงชื่นชมเจ้า.. แต่กลับเคียดแค้นชิงชังความมืดนั้น....

นิทราเถิด.. ผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งข้า.. ข้าจะคอยอยู่เคียงข้าง...
..แม้ในยามหลับไหล ข้าก็จะปกป้องเจ้า...
..หากวันใดเจ้าเกรงกลัวซึ่งความืด ข้าจักเสกสรรแสงสว่างเพื่อเจ้า...
..แต่หากเจ้าปรารถนาจะหลับไหลท่ามกลางความมืดอันเป็นธาตุของเจ้าและข้า ก็ขอจงนิทราให้สบายภายในม่านอนธนกาลนี้เถิด...
.. แม้ในยามจิตเจ้าล่องลอยไปภายในความฝัน ข้าผู้นี้ก็จะยังอยู่เคียงข้างเจ้า.. ข้า.. ผู้ที่เขาเคยเรียกขานกันว่า ราชันย์แห่งอันธกาล ..

วันอาทิตย์, กันยายน 17, 2549

...ผืนเพลิง... -บทที่ห้า เริ่มชีวิต

"ยังดีที่ได้อยู่กับเจ้า" ว่าพลางทิ้งตัวลงเหยียดยาวบนเตียงใหญ่ในห้องกว้าง "จะว่าไปหอที่นี่ก็ไม่เลวแฮะ"

"ซาเร" เสียงทรงอำนาจเอ่ยเรียกขึ้น "ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า"

เด็กสาวลุกขึ้นนั่ง จับจ้องเนตรสมุทรสีแซฟไฟร์ที่มองมา

"ค่าเล่าเรียนที่นี่สูง ข้าจะพยายามให้ได้ทุนในปลายปี แต่ถ้าหากเซเรเนย์มิอาจได้ทุน ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องไปช่วยทำงาน"

แทนที่จะสนใจว่าต้องไปทำงาน ซาเรกับหัวเราะออกมา

"เมนิ นี่เจ้าจะมาเรียนหนังสือแทนค้นหาความทรงจำให้เซเรแล้วรึ"

ดวงหน้างามดังรูปสลักยังคงนิ่งไร้อารมณ์เช่นเดิม

...เซเรชื่นชอบนัก น่าแกล้งเล่นเหลือเกิน....

.........

เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เมนิอาร์เดินออกไปเปิด เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนเข้ามาภายในโดยไร้สุ้มเสียงถ้อยคำ

เด็กสาวสองคน เกศาแดงดังเพลิง หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ นั่งลงบนเก้าอี้ยาวไม่ห่างจากตัวซาเรและเมนิอาร์ที่มานั่งข้างๆด้วยนัก

"เจ้าสองคนคงเป็นฝาแฝดกันสินะ?" เจ้าของบ้านยิงคำถามขึ้นก่อน "เหมือนกันอย่างกับแกะ เว้นแต่ตา"

"ใช่แล้ว" คนที่ตาสีม่วงรับ "ข้ากวาดิเอส และนี่เมดิอัส" ว่าพลางภายมือไปยังแฝดอีกคนผู้มีตาสีเขียว

"ข้าซาเร ข้างๆนี่เมนิอาร์ แล้วก็ ...เอ่อ.... ร่างนี่.. ข้า..อีกคน.... ชื่อเซเรเนย์" ผู้อยู่ในร่างเซเรเนย์เอ่ยอย่างไม่ชิน ก่อนจะพยายามเปลี่ยนไปเรื่องอื่น

"พวกเจ้าอยู่ห้องข้างๆนี่รึ?"

ผู้มีเนตรสีม่วงอเมทิสต์พยักศรีษะรับ เสริมขึ้นอีก "และเรียนอยู่ห้องเดียวกับพวกเจ้าสองคนด้วย"

"จริงรึ?" ดวงตาสีดำเริ่มแวววับ คนพูดมากเริ่มสนใจ

"อื้อ"

สิ้นคำนั้น ผู้ตั้งใจฟังยิ่งก็กระโดดเข้าเกาะเพื่อนใหม่ทันที

...ผืนโลหิต... -บทที่สี่ ปราการ

"ถ้าผ่านแล้วนี้ก็ต้องอยู่หอแล้วก็ไปเรียนทุกวันใช่ไหมเนี่ย" เสียงบ่นมาแต่ไกล และคงจะเป็นไปตลอดทาง แต่เมนิอาร์ก็ยังคงนิ่งเช่นเดิม ซาเรพอจะสังเกตุได้อยู่บ้างว่า นอกจากเซเรเนย์แล้ว คนๆนี้ก็ไม่ค่อยจะพูดกับใคร แม้แต่กับเธอซึ่งใช้ร่างของคนนั้นก็ตาม

ยังไม่ทันจะเดินออกจากที่นี่ไป กระดานแผ่นเล็กๆก็ถูกแบกมาตั้ง ผู้คนต่างกรูกันเข้าไปล้อมรอบ

"ประกาศผลกันแล้วเรอะ!" น้ำเสียงบ่งว่าตกใจนักก่อนจะรีบวิ่งไปมุงกับเขาด้วยโดยไม่ลืมลากเพื่อนข้างๆไป

.........

"ติด!" เสียงดังโหยหวนมาแต่ไกล ราวกับว่าผู้พูดนั้นเกลียดชังการเข้าเรียนเป็นอย่างยิ่ง

"เจ้าไม่อยากช่วยเซเรเนย์รึ?" วจีที่เอื้อนเอ่ยยังคงทรงอำนาจ หากแต่ดูแล้งไร้อารมณ์ใดๆนัก

ซาเรถอนหายใจช้าๆ "ข้าไม่ชอบกฏระเบียบ.. แต่เอาเถอะ ถ้ามันทำให้เซเรมันกลับเป็นคนปกติได้ ข้าก็จะทน" น้ำเสียงช่วงท้ายอ่อนลง
แม้จะดูเป็นเช่นนี้ แต่คนๆนี้ก็ยังคงห่วงเพื่อน..

บรรยากาศเงียบๆนั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก ยิ่งสำหรับผู้ไม่ชอบการอยู่นิ่งเฉย เด็กสาวคว้าข้อมือของเมนิอาร์ขึ้น ลากเข้าอาคารใหญ่ไป
"ป่ะ ไปมอบตัว"

.........

"เจ้าสองคนอยู่ปราการแห่งปราชญ์"

"ปราชญ์!!!!!!" ซาเรโพล่งขึ้นอย่างไม่เกรงใจใครอีกครั้ง ทำเอาผู้คนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว แต่ก็หาได้กระเทือนไม่ ยังคงตะโกนออกมาด้วยเสียงเท่าเดิม "คนอย่างข้าจะอยู่ได้เรอะ!!"

เด็กสาวหันมาหาคนข้างๆ ราวกับหวังจะให้ช่วย แต่เมนิอาร์กลับยืนนิ่ง สีหน้าแลแววตาสงบลึกล้ำราวทะเลยามไร้คลื่นลม

"เมนิ.. เจ้าช่วยข้าหน่อยสิ"

ครานี้สตรีนั้นผันพักตรามาน้อยๆ

"วิชาแห่งปราชญ์ หากเจ้าไม่ไหว ก็ให้เซเรเนย์ออกมาเถิด" แม้น้ำเสียงยังคงฟังแล้วเย็นชายิ่งแต่ผู้ฟังกลับยิ้มออกได้

"นั่นสินะ... ที่จริง หากเป็นปราการอื่นก็ใช่ว่าข้าจะอยู่ได้ อาจทำให้เซเรเดือดร้อนซะด้วยซ้ำ" ถ้อยคำนั้นอ่อนลง

...ผืนเพลิง.... -บทที่สาม ทดสอบ

"ลุง โรงเรียนนี้เป็นไงบ้างอะ?" เสียงใสๆของเด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามผู้เฝ้าประตูสู่ลานทดสอบขณะที่ยืนรออยู่ภายนอกอย่างไม่หยุดปาก

"นี่เจ้ามาเข้าโดยไม่รู้อะไรมาก่อนเลยรึ?" สีหน้าบ่งชัดว่าไม่น่าเชื่อ

เธอพยักหน้า
"มีเหตุฉุกเฉินให้ต้องเลือกที่นี่น่ะลุง"

"เหตุฉุกเฉิน?"

"ใช่แล้วลุง เพื่อนหนูที่ความจำเสื่อมเกิดเห็นภาพที่นี่ในฝัน...."

"เจ้าชื่ออะไรนะ?" เขายิงคำถามตัดหน้าขึ้นมา ก่อนที่สาวน้อยนั้นจะได้เล่าอะไรต่อไปอีกมากมาย

"ซาเร" ตอบอย่างลืมตัว ทำเอาผู้เฝ้าประตูต้องหันกลับไปมองรายชื่ออย่างสงสัย

"ไม่ใช่เซเรเนย์รึ?"

"เซเรเนย์เป็นชื่อจริงๆของคนนี้น่ะลุง" ว่าพลางชี้มือเข้าหาร่างตัวเอง ทำเอาลุงเริ่มรู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันประหลาดๆอยู่

"ว่าแต่ ตกลงโรงเรียนนี้เป็นไงบ้างอะลุง" วกกลับสู่คำถามเดิม เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

"เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด เก่าแก่ที่สุด เท่าที่โลกนี้มี"

คำตอบสั้นๆ แต่ทำเอาตาโต ยังไม่ทันจะถามอะไรต่อ ก็มีเสียงเหมือนกลองดังมาจากในสนามทดสอบ ลุงยื่นปากกาขนนกให้ซาเร ลงลายมือบนชื่อตัวเอง แล้วก็เปิดประตูให้เข้าไป

"ใหญ่ดีจริง" เธอว่า แต่ยังไม่ทันจะได้ชมอะไรต่อ รอบๆก็มีเสียงดังขึ้นบอกให้ไปถึงประตูอีกฝั่งให้ได้ การทดสอบมีแค่นั้น

ซาเรกระโดดหลบอาวุธและกับดักต่างๆอันเป็นอุปสรรคอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่น้อยที่สามารถจะเฉียดใกล้เด็กสาวนี้ได้ เธอเดินไปถึงประตู แล้วตัดสินใจใช้เท้าถีบเปิด

หลังประตูนั้นมีคนสองคน หนึ่งคือพนักงานที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวยาว ณ ขอบด้านหนึ่ง และอีกคนคือเมนิอาร์

"เมนิ ห้องนี้อะไรน่ะ?" เธอเอ่ยถามขึ้นก่อนเลย แต่คนที่ตอบกลับเป็นคนที่นั่งหลังโต๊ะ

"นี่เป็นที่ลงทะเบียนยอมรับคะแนนในการทดสอบ" ได้ฟังแล้วก็หน้ามุ่ย สมัครก็ลงทะเบียน จะสอบก็ต้องเซนต์ชื่อก่อน สอบเสร็จยังต้องเซนต์ชื่อยอมรับคะแนนที่ไม่รู้ว่าจะได้เข้าเรียนที่นี่รึเปล่าอีก

แต่แม้จะไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก ซาเรก็ยอมรับปากกามาเซต์ชื่อแล้วเดินออกไปพร้อมๆกับเมนิอาร์

...ผืนเพลิง... -บทที่สอง เปลี่ยนมือ

"เมนิอาร์ ริเดส และ เซเรเนย์ ผู้สาบสูญในความทรงจำ" สตรีร่างสูงงดงาม ดวงหน้าคมราวรูปสลัก เนตรสีน้ำเงินเข้มงดงามราวเพชรสีฟ้า ลึกล้ำดังสมุทรธารา และเกศาสีอ่อนกว่าเพียงนิดเดียว เอ่ยลงทะเบียนด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจในตัว ก่อนจะเดินกลับไปหาเด็กสาวที่นั่งรออยู่ใต้เงาไม้

"ยังไหวใช่รึไม่?" กล่าวถามอย่างเป็นห่วง ก่อนจะนั่งลงข้างๆเมื่อได้คำตอบรับ และอีกฝ่ายเอ่ยถาม

"ลงทะเบียนนั่น เจ้าลงไปเพื่ออะไรหรือ?"

"สมัครเข้าโรงเรียน" คำตอบสั้นๆ เช่นเคย แต่ทำเอาผู้ฟังแปลกใจ

"เจ้าจะเข้าโรงเรียนหรือ?"

"หากมันทำให้เจ้าได้ความทรงจำคืนมา"

"แต่เวลาที่เจ้าจะต้องเสียไป..."

เนตรแห่งห้วงสมุทรหันมาสบเข้ากับนัยน์นิล ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มบางขึ้นช้าๆ

".....เวลาข้า ที่ผ่านมาล้วนแต่ช่วงใช้อย่างสูญเปล่า..... บัดนี้ ขอให้ได้ช่วยเจ้าบ้าง"

.........

"ให้ซาเรออกมาเถิด" เมนิอาร์กระซิบเบาๆกับเพื่อนผู้เหนื่อยอ่อนอยู่เคียงข้าง "อย่าฝืนตัวเอง"

"แล้วการทดสอบอะไรนั่นเล่า?"

"ข้าจะดูแลเอง"

เนตรสีนิลมองเพื่อนรักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถอนหายใจ ปิดตาลง..


ร่างที่หอบอย่างเหนื่อยล้าค่อยๆหายใจช้าลง จนกลับสู่ภาวะปกติ เด็กสาวลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นอีกคนหนึ่ง

"เมนิ เดี๋ยวข้าต้องเข้าทดสอบแทนเซเรใช่รึไม่?"

เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั้นเพียงแต่พยักหน้า มิเอื้นเอ่ยวจีใด แววแปลกๆก็ปรากฏขึ้นในเนตรนิล

...ผืนเพลิง... -บทที่หนึ่ง เริ่มสู่ลำนำ

.........
ข้ามีนามว่าเซเรเนย์ มิมีสกุล แต่ด้วยความที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเป็นใคร มาแต่หนไหน และมิมีผู้ใดเคยรู้จัก ข้าจึงได้มีฉายาต่อท้าย กลายเป็น 'เซเรเนย์ ผู้สาบสูญในความทรงจำ'
.........

"ตื่นสิโว้ย!!!!!!!!!"
เสียงตะโกนกึกก้องดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจใครในยามเช้า

ที่มานั้นคือร่างโปร่งแสงที่กำลังพยายามปลุก'ร่าง'ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้จะพยายามทุกวิธีเท่าที่'วิญญาณ'จะกระทำได้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด จนกระทั่งหมดแรง ตัดใจนั่งลงคอยอยู่ข้างๆ

ไม่นานนัก นัยน์สีดำงามดุจนิลของ 'ร่าง'ที่ว่านั้นก็ลืมขึ้น หันมามองวิญญาณที่พุ่งเข้าใส่ทันที

เด็กสาวกระพริบตาอีกสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง พลางสางและมัดผมดกดำที่ยุ่งเหยิง ณ ที่แห่งนั้น แสงทองแห่งทิวาวารกำลังเริ่มฉาดฉาย เข้าสู่วันใหม่....

เธอหันกลับมาในห้องกว้าง สบสายตานิ่งเย็น ลึกล้ำดังห้วงสมุทรลึกของสตรีหนึ่งผู้สง่างามน่าเกรงขามยิ่ง ฉับพลันสีหน้าสงบกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง

"อรุณสวัสดิ์ ซาเร" เสียงทรงอำนาจเอ่ยทักก่อนสาวน้อยนั้นจะได้พูดอะไรออกมา "ออกมาแต่เช้า คิดจะยึดร่างของเซเรเนย์ไปทั้งวันอีกแล้วหรือ?"

รอยยิ้มที่เคยกว้างหุบลง เหลือแต่เพียงเสียงหัวเราะแหะๆ แล้วฉับพลันก็กลายเป็นเด็กสาวผู้มีใบหน้าสงบนิ่งตามเดิม

"เมนิอาร์" เธอเอ่ยนามฝ่ายตรงข้ามเบาๆ "อรุณสวัสดิ์"

"เรื่องใดฤๅ ที่เจ้าประสงค์จะคุยกับข้า?" ผู้ครองนาม'เมนิอาร์'ถามขึ้นตรงๆในทันใด

"ความทรงจำ.." ปลายเสียงแปร่งเล็กน้อย บ่งชัดว่ามิใช่เรื่องที่จะพูดออกมาได้โดยง่ายนัก "ความทรงจำข้า.. ข้าคิดว่ามัน.. เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งหนึ่ง"

"ที่แห่งใดกัน มีลักษณะเป็นเช่นไร?"

"หอคอย.... สูง.... กว้าง..... ไม่ไกลจากเมือง..." ลำเสียงขาดช่วงบ้างเป็นห้วงๆ "ข้าเห็นในฝัน... ซ้อนทับกับทุ่งสงคราม... ลักษณะเหมือนโรงเรียน..."

"......... เรวาซ... น่าจะใช่ที่แห่งนั้น" เอ่ยอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้น สบเนตรสีแซฟไฟร์เข้ากับนัยน์นิลของผู้อยู่ตรงหน้า

"ไปกัน"

วันเสาร์, กันยายน 16, 2549

...ผืนเพลิง... -บทนำ

...ผืนเพลิง...


ทิวทัศน์เบื้องหน้าเธอนั้น คือทุ่งแห่งสงครามอันอาบโลหิตไปจนแดงฉานสุดปลายสายเนตรจะทอดเห็น

ที่แห่งนี้ไม่มีศพนักรบใด เหลือแต่เพียงศาสตรา ซึ่งผู้ล่วงลับทั้งหลายยังคงทิ้งไว้ ดุจเป็นป้ายวิญญาณให้แก่เขา เมื่อล่องลอย รางเลือนจากโลกนี้ไป

เซเรเนย์ทรงกายลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า หยาดโลหิตไหลเป็นทางจากไหล่ซ้าย หยดลงชโลมแผ่นดิน ณ ปลายนิ้ว เกศาสีนิลปลิวไสวไปกับวาโยยะเยือกเย็นผู้เยี่ยมเยือน ผิวกายซีดเผือดคล้ายดังว่าสายใยแห่งชีวินทร์ได้ถูกช่วงชิงออกไปจนสิ้น นัยน์ดำขุ่นมัวไร้แววแลอารมณ์ใดๆ

.........

"ตื่นเสีย!" วจีสั้นกระชับทรงอำนาจยิ่ง กึกก้องกังวานราวสิงหนาท ปะทุขึ้น
"ฤๅไม่ ก็ดับลมหายใจตนเองไปเสีย!"

ถ้อยนั้นแปลกแปร่ง ห้วนแล้งไร้ไมตรียิ่ง เป็นดั่งโองการ ประกาศิตแห่งจอมราชัน

เนตรขุ่นมัวค่อยเบิกขึ้นทีละช้า นิลนัยน์ด้านยิ่ง ไร้ชีวิต ไร้จิตใจ.. และราวว่าไร้วิญญาณ์...

ร่างสูงหนึ่ง ผินพักตรามา ดวงหน้านั้นงดงามยิ่งประดุจดั่งรูปสลักแห่งเทพี นัยนาน้ำเงินเข้มและลึกล้ำเปรียบดังห้วงมหรรณพ ทอดมองผู้เพิ่งฟื้นคืนขึ้นจากห้วงนิทรากาล

"เพียงลืมตาขึ้น เจ้าหาได้ตื่นไม่!" เธอเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครา
"จงเห็นความหวังสะท้อนอยู่ในคลองจักษุ จงให้ชีวินทร์เจ้าตื่นขึ้นสู่แสงสว่างเถิด"

ปลายเสียงนั้นอ่อนโยนแผ่วเบาลง นุ่มนวล ทอดยาวอย่างให้ความหวัง แต่เมื่อผู้อยู่ในลักษณาการราวไร้ชีวิตยังคงนิ่งเฉย หัตถ์เรียวสวยก็ถูกยื่นให้ ฉุดร่างซีดเซียวให้สัมผัสซึ่งแสงรุจีแห่งทิวากาล

..................