วันเสาร์, กันยายน 16, 2549

...ผืนเพลิง... -บทนำ

...ผืนเพลิง...


ทิวทัศน์เบื้องหน้าเธอนั้น คือทุ่งแห่งสงครามอันอาบโลหิตไปจนแดงฉานสุดปลายสายเนตรจะทอดเห็น

ที่แห่งนี้ไม่มีศพนักรบใด เหลือแต่เพียงศาสตรา ซึ่งผู้ล่วงลับทั้งหลายยังคงทิ้งไว้ ดุจเป็นป้ายวิญญาณให้แก่เขา เมื่อล่องลอย รางเลือนจากโลกนี้ไป

เซเรเนย์ทรงกายลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า หยาดโลหิตไหลเป็นทางจากไหล่ซ้าย หยดลงชโลมแผ่นดิน ณ ปลายนิ้ว เกศาสีนิลปลิวไสวไปกับวาโยยะเยือกเย็นผู้เยี่ยมเยือน ผิวกายซีดเผือดคล้ายดังว่าสายใยแห่งชีวินทร์ได้ถูกช่วงชิงออกไปจนสิ้น นัยน์ดำขุ่นมัวไร้แววแลอารมณ์ใดๆ

.........

"ตื่นเสีย!" วจีสั้นกระชับทรงอำนาจยิ่ง กึกก้องกังวานราวสิงหนาท ปะทุขึ้น
"ฤๅไม่ ก็ดับลมหายใจตนเองไปเสีย!"

ถ้อยนั้นแปลกแปร่ง ห้วนแล้งไร้ไมตรียิ่ง เป็นดั่งโองการ ประกาศิตแห่งจอมราชัน

เนตรขุ่นมัวค่อยเบิกขึ้นทีละช้า นิลนัยน์ด้านยิ่ง ไร้ชีวิต ไร้จิตใจ.. และราวว่าไร้วิญญาณ์...

ร่างสูงหนึ่ง ผินพักตรามา ดวงหน้านั้นงดงามยิ่งประดุจดั่งรูปสลักแห่งเทพี นัยนาน้ำเงินเข้มและลึกล้ำเปรียบดังห้วงมหรรณพ ทอดมองผู้เพิ่งฟื้นคืนขึ้นจากห้วงนิทรากาล

"เพียงลืมตาขึ้น เจ้าหาได้ตื่นไม่!" เธอเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครา
"จงเห็นความหวังสะท้อนอยู่ในคลองจักษุ จงให้ชีวินทร์เจ้าตื่นขึ้นสู่แสงสว่างเถิด"

ปลายเสียงนั้นอ่อนโยนแผ่วเบาลง นุ่มนวล ทอดยาวอย่างให้ความหวัง แต่เมื่อผู้อยู่ในลักษณาการราวไร้ชีวิตยังคงนิ่งเฉย หัตถ์เรียวสวยก็ถูกยื่นให้ ฉุดร่างซีดเซียวให้สัมผัสซึ่งแสงรุจีแห่งทิวากาล

..................

ไม่มีความคิดเห็น: